วิธีที่จะช่วยให้คุณทำงานประสบความสำเร็จเร็วขึ้น

วันนี้ฉันมีเรื่องอยากจะมาแนะนำเกี่ยวกับการทำงาน เป็นวิธีการทำงานที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จเร็วขึ้น เพราะทุกคนล้วนมุ่งมั่นทำงานกันอยู่ทุกวันนี้ก็คงอยากจะประสบความสำเร็จกันทุกคน แต่บางทีบางครั้งเราทำงานไปแล้วทำไม่รู้สึกว่าตัวเองไม่พัฒนาขึ้นเลย หรือ ทำไมงานที่ออกมาไม่มีประสิทธิภาพเลย เป็นเพราะงานเยอะไปหรอ แบ่งเวลาไม่ได้ หรือเปล่านะ

จริงๆแล้ว ฉันอยากจะบอกทุกคนว่า เราต้องหันมาดูตัวเราก่อนเลยว่าจริงแล้วสาเหตุของการที่ทำงานแล้วไม่มีการพัฒนาเลยเป็นเพราะอะไร… ฉันมีวิธีคิดและปฏิบัติที่จะช่วยทำให้คุณทำงานให้ดีขึ้นได้และงานมีประสิทธิภาพขึ้นนะ

อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง 

การเรียนรู้จากการผิดพลาดของคุณก็ดี หรือ ความผิดพลาดที่คุณเห็นจากการทำงาน คุณควรจะเก็บมันมาและดูไว้เป็น case study และนำมาใช้กับการทำงานของตัวเองในครั้งต่อๆไป ให้ดีขึ้น อย่าคิดว่าตัวเองทำได้แค่นี้ คุณต้องคิดว่าคุณสามารถทำงานให้ดียิ่งๆขึ้นไปได้ การที่คุณคิดว่าตัวเอง “ไร้ค่า” คุณจะไม่มีค่าให้ใครด้วยเหมือนกัน

ความสำเร็จไม่ได้เป็นแค่ทฤษฎี แต่มาจากการลงแรง ลงใจ และลงมือทำมัน

บางคนคิดว่าการที่จะพัฒนาตัวเอง แค่หาความรู้ให้มากและเติมเต็มแค่ความคิดเท่านั้น แต่คุณคงไม่รู้หรอกว่า การคิดตามทฤษฎี จะไม่มีวันเกิดขึ้นเลย ถ้าคุณไม่ได้ลงมือทำมันซะ การที่คุณได้ลงมือทำ คุณจะรู้ถึง ความรู้ที่เรียนรู้มา ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ความผิดหวัง และความท้อ และสิ่งเหล่านี้เองจะทำให้คุณพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณจะประสบความสำเร็จจากการที่คุณได้เริ่มและลงมือทำ 

ทำงานไม่ใช่แค่ เงิน อย่างเดียว ต้องดูระหว่างที่ทำงานด้วย

กว่าคุณจะทำงานและจนถึงปลายทางที่เรียกว่าผลตอบแทน หรือ เงิน นั้น คุณควรหันไปมองระหว่างทาง เพราะระหว่างทางการทำงานของคุณนั้น คือ วิธีกระบวนการความคิด การทำ และ การได้ติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย หรือ ลูกค้า คุณจะได้ประสบการณ์มากมายจากคนเหล่านี้ มีทั้งในส่วนที่ดีน่าจดจำ และ ในส่วนที่อาจจะอยากลืมมัน แต่ขอให้คุณรู้ว่า อะไรที่ดีคุณจดจำไว้ และไม่ดีคุณก็ไม่ควรลืมมัน แต่อย่าได้ใสใจ เพราะสิ่งเหล่านี้จะหล่อหลอมให้คุณทำงานให้ดีขึ้นไปอีก ซึ่งมันเป็นวิธีที่จะช่วยให้คุณทำงานประสบความสำเร็จเร็วขึ้น 

ฉันคิดว่าวิธีที่จะนี้จะช่วยทำให้คุณมองตัวเองชัดขึ้น ทำให้คุณโฟกัสการทำงานและเรียนรู้ที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จเร็วขึ้นไปอีกนะ!

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สมัครจีคลับ ไม่มีขั้นต่ำ

อยากให้รัฐบาลดูบทเรียนของประเทศเกาหลีใต้และประเทศไต้หวัน

อยากให้รัฐบาลดูบทเรียนของเกาหลีใต้ สถานการณ์ของวิกฤตโรคระบาดของไข้ไวรัสโควิด 19 นั้น ในประเทศไทยเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แค่เพียงสองวัน ก็พบผู้ติดเชื้อแล้วเพิ่มขึ้นถึง สามร้อยสิบเอ็ดคน ทำให้วันนี้เป็นวันที่ประเทศไทยแซงหน้าขึ้นเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากเป็นอันดับสี่ของโลก ขณะที่รัฐบาลสั่งปิดห้างสรรพสินค้า และร้านค้าต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

แต่กลับสร้างความกังวลใจขึ้นแทนที่ เพราะประชาชนส่วนใหญ่กำลังเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งนั่นหมายความว่า คนเหล่านี้มีโอกาสแพร่เชื้อไปทั่วประเทศ เมื่อย้อนกลับไปดูมาตรการของประเทศเกาหลีใต้ และประเทศไต้หวัน จะพบว่าทั้งสองประเทศ ล้วนมีจุดร่วมเหมือนกันในการดำเนินมาตรการ นั่นก็คือ ความชัดเจน ฉับไว ทั่วถึง และเด็ดขาด 

ประเทศเกาหลีใต้ กับการตรวจให้เยอะที่สุดเพื่อป้องกันให้มากที่สุด จากจุดเริ่มต้นคุณป้ามหาภัยวัย หกสิบเอ็ด ที่กลายเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ สามสิบเอ็ด ไม่ระมัดระวังตัว จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาด ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งในตอนแรกที่เกาหลีใต้ ดูเหมือนไม่ทันเฝ้าระวังและจริงจังกับการป้องกัน เริ่มยกระดับความป้องกันเข้าขั้นสูงสุดทันที ด้วยการสั่งยกเลิกกิจกรรม และการชุมนุมทุกชนิด แม้จะช้าไปหน่อย แต่ไม่มีอะไรสายเกินไป

ส่วนประเทศไต้หวัน ความรวดเร็วและเด็ดขาด ภายใต้ ศูนย์บัญชาการกลาง ที่นับตั้งแต่องค์กรอนามัยโลก ได้รับแจ้งจากจีนว่าในพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศจีน เริ่มมีผู้ป่วยปอดอักเสบ ชนิดใหม่ที่ไม่รู้จัก ในทันทีที่รัฐบาลไต้หวันทราบข่าว ได้บังคับการให้กรมควบคุมโรคตรวจสอบผู้โดยสารที่มาจากประเทศจีนโดยทันที รวมถึงออกกฎให้โรงพยาบาลทำการทดสอบและรายงานผู้ติดเชื้อ

ซึ่งกระบวนการนั้นเริ่มทำก่อนที่จะพบผู้ติดเชื้อไวรัสตัวนี้ซะอีก และหลังจากนั้นความเด็ดขาดที่รัฐบาลไต้หวันดำเนินการกับผู้ปกปิดอาการ โดยได้ทำการปรับเงินเกือบ หนึ่งหมื่นดอลล่าร์หรือเทียบเป็นเงินไทยเกือบสามแสนบาท ซึ่งเป็นบทลงโทษที่เด็ดขาด และอีกด้านหนึ่งกับการแจกจ่ายอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่นหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน

ด้วยการออกมากำหนดราคาเพดานในการขายหน้ากาก ให้จำหน่ายชิ้นละประมาณ 0.17 บาท พร้อมทั้งสั่งให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบราคาจากร้านค้าทุกวัน ซึ่งทำให้ประเทศไต้หวันที่มีพื้นที่ติดประเทศจีนมากที่สุดมีผู้ติดเชื้ออยู่ที่ หนึ่งร้อยหกเก้าคน และมีผู้เสียชีวิตสองคน ในจำนวนสามเดือนที่ผ่านเท่านั้น ส่วนประเทศไทยแค่สองวันยอดผู้ติดเชื้อก็แซงหน้าประเทศไต้หวัน

กับเกาหลีใต้ไปแล้ว อยากให้รัฐบาลไทยลืมตา และมองประเทศอื่นที่เค้าทำกันบ้าง ว่าเค้าป้องกันประเทศกันอย่างไร

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เซ็กซี่ บาคาร่า ทดลองเล่น

ความหมายของคำว่าปิดเมืองคืออะไรกันแน่

ความหมายของคำว่าปิดเมือง แต่ละประเทศเริ่มมีมาตรการในการป้องกันการแพร่โรคระบาดไข้ไวรัสโควิด19 ด้วยการปิดประเทศหรือปิดเมือง ซึ่งตอนนี้เป็นมาตรการที่แต่ละประเทศนิยมทำกัน เพื่อใช้เป็นยุทธวิธีป้องกัน และประเทศไทยก็เริ่มเป็นอีกประเทศที่งัดมาตรการนี้ออกมา แต่ความหมายของคำว่าปิดเมืองหรือปิดประเทศ ของประเทศไทยนั้น มีผู้ตั้งคำถามไว้ว่า สรุปมันคืออะไรกันแน่ เพราะการปิดเมืองของประเทศไทยนั้นได้มีการถกเถียงกันอย่างมากมายว่าคำว่าปิดเมืองนั้น

ในทางปฏิบัตินั้นมีหลายมิติและหลายขั้นตอนเพราะมีทั้งการปิดพวกห้างร้านต่าง หรือเป็นการปิดแบบเคอร์ฟิว ห้ามคนออกนอกบ้าน หรือปิดพื้นที่บางส่วน ที่ตำรวจมักจะใช้เป็นวิธีการจับผู้ร้ายหรือผู้ก่ออาชญากรรม เพื่อป้องกันความสับสนจึงต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า คำว่าปิดเมืองนั้นคืออะไร และแต่ละขั้นตอนของการปิดเมือง นั้นคืออะไร

และจะทำให้เราบรรลุเป้าหมายตามที่เราต้องการนั้นได้มากน้อยอย่างไร อีกทั้งยังต้องเข้าใจก่อนว่า คำว่าปิดเมือง อาจจะหมายถึงคนที่มีอำนาจสั่งการให้ทำ หรือประชาชนควรเห็นพ้องต้องกันว่าควรทำ เพื่อหยุดกิจกรรมของเมือง อย่างเต็มใจด้วยตนเอง ซึ่งความแตกต่างนี้เองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ระหว่างการ ปิดเมือง กับความร่วมมือของประชาชน ที่จะหยุดการแพร่ระบาดไข้ไวรัสโควิด19 นี้

ซึ่งแบบแรกที่เรียกว่าปิดเมือง คือการบังคับ แบบที่สองที่เรียกว่าความร่วมมือของประชาชน เรียกว่า การตัดสินใจของประชาชน ที่จะจัดระเบียบชีวิตประจำวันกันใหม่ เพื่อเอาชนะสงครามไวรัสตัวนี้  ซึ่งคำสั่งที่เกิดขึ้นมานั้น เป็นคำสั่งปิดเมือง ที่อาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ได้ เพราะวัดกันด้วยประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎกติกานั้น

เอาเข้าจริง ก็ไม่อาจตรวจสอบหรืออุดช่องโหว่นี้ได้ และทุกช่องโหว่ นั้นคือชัยชนะของศัตรูที่พวกเรามองไม่เห็น เพราะเจ้าไข้ไวรัสตัวนี้มีความสามารถโจมตีได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว แต่หากการปิดเมืองในความหมายของพวกเราคือแบบที่สอง แบบที่ประชาชนทุกคนร่วมใจกัน และไม่เปิดช่องว่างและมีรูโหว่ ให้เจ้าไวรัสนี้เอาชนะพวกเราได้ นั่นน่าจะเป็นแบบการที่ดีที่สุด

เหมือนที่ประเทศจีนได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า ความสำเร็จที่จะเอาชนะและฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปด้วยกันไม่ได้อยู่ที่ตัวรัฐบาลอย่างเดียว แต่ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนที่จะร่วมแรงร่วมใจที่จะแก้ปัญหานี้ไปด้วยกัน ซึ่งแน่นอนทุกคนมีความเห็นแก่ตัว แต่ขอให้มันเป็นคนส่วนน้อยที่สักวันนึงสังคมจะลงโทษคนเหล่านี้เอง เพราะถ้าเราร่วมใจกันตั้งแต่วันนี้ เจ็บแต่จบ

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สูตร เซ็กซี่ บาคาร่า ฟรี 2020