ต้องยอมรับเลยว่า ณ ปัจจุบันนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ด้วยความที่อัตราของผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นธุรกิจอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับผู้สูงอายุก็เริ่มจะเป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้วยความที่สังคมไทยนั้นถือว่าการดูแลพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายในยามแก่เฒ่าเป็นเรื่องที่คนเป็นลูกเป็นหลานมีหน้าที่ต้องทำ เพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณที่พวกท่านเลี้ยงลูกหลานมา
แต่ก็ไม่ใช่ลูกหลานทุกคนที่จะว่างจากงานมาดูแลพวกท่านได้ ดังนั้นธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสมอย่างมาก เพราะในศูนย์ย่อมมีสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก และบุคลากรทางการแพทย์ที่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้อย่างครบครัน วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักกับธุรกิจประเภทนี้ว่าหากจะเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเราควรจะต้องเตรียมการอย่างไรบ้าง
1.มีความรู้ในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ
การดูแลผู้สูงอายุนั้นไม่เหมือนกับการดูแลเด็ก เพราะผู้สูงอายุต้องการความเอาใจใส่มากพิเศษ และต้องได้รับการดูแลอย่างดี เนื่องจากวัยที่สูงอายุจนอาจทำให้ประสบปัญหาเรื่องสุขภาพอย่างมาก อาหารการกินจึงจะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ในการดูแลผู้สูงอายุบางรายต้องได้รับคำแนะนำจากนักโภชนาการด้วย ทั้งนี้ไม่ใช่แค่เจ้าของศูนย์ฯที่จะต้องมีความรู้เรื่องการดูแลผู้สูงอายุ แต่รวมไปถึงพนักงานประจำศูนย์ทุกคนด้วย
2.มีบุคลากรทางการแพทย์ประจำศูนย์
ภายในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุควรมีแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล หรือนักกายภาพ สับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาดูแลผู้สูงอายุอยู่เป็นประจำ อาจจะไม่ต้องเข้ามาอยู่ดูแลอย่างถาวร แต่อย่างน้อยใน 1 สัปดาห์ควรมีบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาตรวจสุขภาพร่างกายผู้สูงอายุ ทั้งนี้อาจจะจ้างพยาบาลหรือผู้ช่วยพยาบาลให้อยู่ประจำศูนย์อย่างน้อย 1 คนก็ได้
3.ต้องมีการติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาลอย่างเป็นประจำ
การติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาลก็เผื่อกรณีที่มีผู้สูงอายุเจ็บไข้ได้ป่วย ก็สามารถติดต่อประสานงานให้โรงพยาบาลเข้ามารับตัวไปรักษาได้ แล้วยิ่งหากมีกรณีที่ผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวก็ยิ่งควรติดต่อประสานงานกับโรงพยาบาลที่ผู้สูงอายุรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นเป็นประจำ และเผื่อโรงพยาบาลมีความรู้ในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุมาแบ่งปันด้วย
4.กำหนดประเภทของผู้สูงอายุที่จะรับดูแล
การกำหนดประเภทผู้สูงอายุที่จะรับดูแลภายในศูนย์ฯสามารถช่วยลดปัญหาที่อาจต้องเจอในการดูแลผู้สูงอายุได้น้อยลง เช่น ไม่รับผู้สูงอายุที่เป็นโรคเรื้อรัง ไม่รับผู้สูงอายุที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง รับเฉพาะผู้สูงอายุที่เป็นคนไทย รวมถึงการจำกัดจำนวนผู้สูงอายุด้วยว่าจะรับแค่กี่คน
5.เตรียมเงินสำหรับลงทุนและหมุนเวียน
นอกจากจะต้องมีเงินในการลงทุนเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแล้ว การเตรียมเงินไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินหรือหมุนเวียนภายในศูนย์ฯก็เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะผู้สูงอายุอาจจะเจ็บไข้ได้ป่วยได้ง่ายและอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การมีเงินสำรองเผื่อกรณีเช่นนี้จึงจำเป็นอย่างมาก
6.จัดหาสถานที่ตั้งศูนย์ฯอย่างเหมาะสม และออกแบบศูนย์ให้รองรับต่อการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ
การหาทำเลที่ตั้งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะการจะเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนั้นจะต้องคำนึงถึงความสะดวกในการที่จะให้รถยนต์เข้า-ออกเผื่อกรณีผู้สูงอายุเจ็บป่วยอย่างกะทันหัน ภายในบริเวณศูนย์ฯและรอบๆศูนย์ฯควรมีบรรยากาศที่ดี ร่มรื่น อากาศถ่ายเท และปลอดโปร่ง และควรมีการออกแบบพื้นที่ให้กว้าง มีสาธารณูปโภคอย่างครบครัน ที่สำคัญควรออกแบบให้มีความปลอดภัยอย่างรัดกุม เผื่อกรณีที่ผู้สูงอายุแอบหนีออกจากศูนย์ฯ หรือกรณีที่อาจมีบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รับอนุญาตแอบเข้ามาภายในศูนย์ฯได้
7.จัดหาพนักงานที่ดี
พนักงานที่จะต้องอยู่ดูแลผู้สูงอายุจะต้องได้รับการอบรมหรือมีประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงอายุ และจะต้องมีจิตใจที่ดี ไม่ใช้กำลัง ไม่ใช้อารมณ์ในการดูแลผู้สูงอายุ และควรมีการจัดอบรมความรู้ให้แก่พนักงานประจำศูนย์อย่างเป็นประจำด้วย
การจะเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จะต้องมีความพร้อมในหลายๆด้าน เพราะการดูแลผู้สูงอายุ 1 คนนอกจากจะมีความยากแล้วในการดูแลจะต้องใส่ใจรายละเอียดในทุกเรื่องเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะอาหารการกิน โรคประจำตัว เป็นต้น แต่หากพิจารณาถึงผลตอบแทนแล้วธุรกิจนี้ก็ถือเป็นอีกธุรกิจที่น่าลงทุน เพราะปัจจุบันศูนย์ดูแลผู้สูงอายุมีน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนของผู้สูงอายุ และปัจจุบันธุรกิจนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับลูกหลานที่ไม่มีเวลาดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งดูเหมือนว่าจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นไปอีกทุกปี จนธุรกิจนี้อาจจะสร้างกำไรได้มากก็เป็นได้
สนับสนุนโดย. gclub slot ทดลองเล่น